สิทธิประโยชน์ของผู้สูงอายุ
By Birth Intern 21 เม.ย. 2568

ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีสิทธิประโยชน์หลายด้านที่ได้รับการคุ้มครองและส่งเสริมตามกฎหมาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้านล่างนี้คือสรุปสิทธิประโยชน์ของผู้สูงอายุในแต่ละด้าน
1. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ผู้สูงอายุได้รับการจัดช่องทางพิเศษเพื่อให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สะดวกและรวดเร็ว เช่น การมีแผนกหรือบุคลากรเฉพาะด้านการดูแลผู้สูงอายุในสถานพยาบาล
2. ด้านการศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสาร
ผู้สูงอายุมีสิทธิในการเข้าถึงศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน และหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย รวมถึงรายการต่าง ๆ เพื่อผู้สูงอายุ
3. ด้านการประกอบอาชีพและฝึกอาชีพที่เหมาะสม
ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงข้อมูล คำปรึกษา ข่าวสารตลาดแรงงาน การจัดหางาน และการอบรมฝึกอาชีพ โดยมีศูนย์ข้อมูลทางอาชีพและตำแหน่งงานสำหรับผู้สูงอายุเป็นการเฉพาะที่สำนักงานจัดหางานทุกแห่ง
4. ด้านการพัฒนาตนเอง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และการรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย/ชุมชน
ผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมภายในชุมชน และ/หรือระหว่างชุมชน รวมถึงการใช้ศักยภาพของผู้สูงอายุในการจัดกิจกรรมทางกีฬา นันทนาการ และการถ่ายทอดภูมิปัญญา
5. ด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และบริการสาธารณะอื่น
ผู้สูงอายุได้รับการจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น การมีทางลาด ราวจับ และการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย รวมถึงการจัดพาหนะอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ
6. ด้านการลดหย่อนค่าโดยสารและการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
ผู้สูงอายุได้รับการลดค่าโดยสารครึ่งราคาในระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS, MRT, แอร์พอร์ตลิงก์, รถโดยสารประจำทาง ขสมก., และเรือด่วนเจ้าพระยา รวมถึงการยกเว้นค่าโดยสารในวันผู้สูงอายุ (13 เมษายน)
7. ด้านการยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ
ผู้สูงอายุได้รับการยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และสวนสัตว์ 6 แห่ง
8. ด้านการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรม หรือถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือถูกทอดทิ้ง
ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาดังกล่าวได้รับการให้คำแนะนำ ปรึกษา และความช่วยเหลือตามความจำเป็น เช่น การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ และการดำเนินคดี
9. ด้านการให้คำแนะนำ ปรึกษา และดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในทางคดีและการแก้ไขปัญหาครอบครัว
ผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมายได้รับการช่วยเหลือ เช่น การจัดสรรทนายความเพื่อให้คำปรึกษา และการช่วยเหลือในการดำเนินคดีหรือการแก้ไขปัญหาครอบครัว
10. ด้านการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัย อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม
ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นได้รับการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัย อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม โดยพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม เช่น การให้ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น หรือค่าพาหนะเดินทาง
11. ด้านการช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพ
ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ เช่น สัญชาติไทย และไม่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ จะได้รับการช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือน
คุณสมบัติและเกณฑ์การรับสิทธิ
-
ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
-
เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ
-
ไม่เป็นผู้รับสิทธิประโยชน์อื่นจากหน่วยงานของรัฐ เช่น เงินบำนาญทหาร ตำรวจ หรือบำนาญข้าราชการ
-
ต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาลในพื้นที่ที่อาศัยอยู่
อัตราเงินเบี้ยยังชีพอัตราการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นแบบขั้นบันได ตามช่วงอายุ ดังนี้
-
อายุ 60 – 69 ปี: 600 บาท/เดือน
-
อายุ 70 – 79 ปี: 700 บาท/เดือน
-
อายุ 80 – 89 ปี: 800 บาท/เดือน
-
อายุ 90 ปีขึ้นไป: 1,000 บาท/เดือน
12. การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี
ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ เช่น มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และอยู่ในครอบครัวที่ยากจน จะได้รับการช่วยเหลือในการจัดการศพตามประเพณี
13. การจัดบริการสถานที่ท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมกีฬา และนันทนาการ
ผู้สูงอายุได้รับการจัดกิจกรรมและโครงการสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การบริการตรวจสุขภาพ การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
14. การจัดบริการเพื่ออำนวยความสะดวกด้านพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และการจัดกิจกรรมด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม
ผู้สูงอายุได้รับการจัดบริการโดยตรงเพื่ออำนวยความสะดวก เช่น การติดตั้งลิฟต์ พื้นเรียบ ราวบันได ทางลาด ราวจับในห้องน้ำ และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงการจัดบริการรถเข็น เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงและเข้าร่วมกิจกรรมด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
15. ด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้ และการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้บริจาคทรัพย์สิน เงินให้แก่กองทุนผู้สูงอายุ
บุคคลที่ได้รับการเลี้ยงดูบิดาหรือมารดา สามารถขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้จำนวน 30,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ผู้ที่บริจาคทรัพย์สินหรือเงินให้แก่กองทุนผู้สูงอายุ สามารถนำใบเสร็จรับเงินไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่บริจาค
16. ด้านกองทุนผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุสามารถขอกู้ยืมเงินจากกองทุนผู้สูงอายุเพื่อประกอบอาชีพรายบุคคลหรือรายกลุ่ม โดยต้องชำระคืนเป็นรายงวดภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
-
องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าพัฒนา LPN
-
กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์