วัยสูงอายุ ลืมง่าย หลงบ่อย สาเหตุและวิธีรับมือ
By Benz 20 มิ.ย. 2567

วัยสูงอายุ ลืมง่าย หลงบ่อย สาเหตุและวิธีรับมือ
อาการลืมง่าย หลงบ่อย พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ
สาเหตุหลักๆ มาจาก
สาเหตุหลักๆ มาจาก
- ความเสื่อมของสมองตามวัย: เซลล์สมองเสื่อมตามธรรมชาติ ส่งผลต่อความจำ การคิด การตัดสินใจ
- โรคสมองเสื่อม: เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน
- โรคทางกายอื่นๆ: เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
- ยาบางชนิด: ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ลืมง่าย
- ภาวะซึมเศร้า: ส่งผลต่อความจำ การคิด และสมาธิ
- การขาดวิตามินบางชนิด: เช่น วิตามินบี 12
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ความเครียด
แนวทางการรับมือกับอาการลืมง่าย หลงบ่อย
ด้านการดูแลตัวเอง:
- ดูแลสุขภาพทั่วไป: รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ฝึกสมอง: ฝึกเล่นเกม ฝึกคิดเลข อ่านหนังสือ ฝึกภาษา
- ลดความเครียด: หากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฝึกสมาธิ ฟังเพลง
- ปรึกษาแพทย์: พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำปรึกษา
- ทานยาตามแพทย์สั่ง: ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ด้านสิ่งแวดล้อม:
- จัดบ้านให้ปลอดภัย: เก็บของให้เป็นระเบียบ ไฟสว่างเพียงพอ
- ติดป้ายเตือน: ติดป้ายเตือนไว้ตามจุดต่างๆ
- พกของสำคัญติดตัว: พกบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน
- มีผู้ติดตาม: เมื่อต้องออกไปข้างนอก
- ใช้เทคโนโลยีช่วย: ใช้สมาร์ทโฟน นาฬิกาปลุก ที่ช่วยเตือนความจำ
ด้านการดูแลจากผู้อื่น:
- เข้าใจและอดทน: เข้าใจว่าผู้สูงอายุอาจมีอาการหลงลืม หลงทาง
- สื่อสารอย่างใจเย็น: พูดช้าๆ ชัดเจน ใจเย็น
- ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน: ช่วยเหลือกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว ทานอาหาร
- กระตุ้นให้ทำกิจกรรม: กระตุ้นให้ทำกิจกรรม ฝึกสมอง
- พาพบแพทย์: พาพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
การดูแลผู้สูงอายุที่มีอาการลืมง่าย หลงบ่อยต้องอาศัยความเข้าใจอดทนและความร่วมมือจากคนรอบข้างเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุข
เคล็ดลับฝึกสมองให้ความจำดี ฉบับวัยเก๋า
สมองเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อ ยิ่งใช้งาน ยิ่งแข็งแรงการฝึกสมองช่วยให้ความจำดีป้องกันโรคสมองเสื่อม
มีวิธีง่ายๆทำได้ทุกที่ ทุกเวลาดังนี้:
1. ฝึกจดจ่อ:
จดจ่อกับสิ่งที่ทำ: ขณะทานอาหาร ทำงาน ฟังเพลง พยายามไม่วอกแวก
ฝึกสมาธิ: นั่งสมาธิ ฝึกหายใจ ช่วยให้ใจสงบ จดจ่อ
ฝึกเล่นเกม: เกมฝึกสมอง เช่น เกมจับคู่ เกมฝึกคำศัพท์ ช่วยให้สมองได้ทำงาน
2. เรียนรู้สิ่งใหม่:
เรียนรู้ภาษาใหม่: ฝึกพูด ฝึกฟัง ฝึกอ่าน ฝึกเขียน
เรียนรู้ทักษะใหม่: เช่น เรียนดนตรี เรียนวาดรูป เรียนทำอาหาร
อ่านหนังสือ: อ่านหนังสือหลากหลายประเภท ช่วยให้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่
3. ฝึกคิด:
ตั้งคำถาม: ตั้งคำถามกับสิ่งที่พบเห็น พยายามหาคำตอบ
คิดเลขในใจ: ฝึกคิดเลขง่ายๆ เช่น บวก ลบ คูณ หาร
เล่นเกมฝึกสมอง: เช่น เกมฝึกตรรกะ เกมฝึกแก้ปัญหา
4. ดูแลสุขภาพ:
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
ทานอาหารครบ 5 หมู่: เน้นผัก ผลไม้
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์
ลดความเครียด: หากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ฝึกสมาธิ
5. ใช้เทคโนโลยีช่วย:
แอปพลิเคชันฝึกสมอง: มีแอปพลิเคชันมากมาย ช่วยฝึกความจำ ฝึกตรรกะ
เกมออนไลน์: เล่นเกมออนไลน์ที่ช่วยฝึกสมอง เช่น เกมฝึกคำศัพท์ เกมฝึกแก้ปัญหา
เว็บไซต์ฝึกสมอง: มีเว็บไซต์มากมาย มีเกมออนไลน์ ฝึกทักษะต่างๆ
การฝึกสมองควรทำอย่างสม่ำเสมอวันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีความจำดีขึ้นสมองทำงานได้ดีขึ้นป้องกันโรคสมองเสื่อม
มีวิธีง่ายๆทำได้ทุกที่ ทุกเวลาดังนี้:
1. ฝึกจดจ่อ:
จดจ่อกับสิ่งที่ทำ: ขณะทานอาหาร ทำงาน ฟังเพลง พยายามไม่วอกแวก
ฝึกสมาธิ: นั่งสมาธิ ฝึกหายใจ ช่วยให้ใจสงบ จดจ่อ
ฝึกเล่นเกม: เกมฝึกสมอง เช่น เกมจับคู่ เกมฝึกคำศัพท์ ช่วยให้สมองได้ทำงาน
2. เรียนรู้สิ่งใหม่:
เรียนรู้ภาษาใหม่: ฝึกพูด ฝึกฟัง ฝึกอ่าน ฝึกเขียน
เรียนรู้ทักษะใหม่: เช่น เรียนดนตรี เรียนวาดรูป เรียนทำอาหาร
อ่านหนังสือ: อ่านหนังสือหลากหลายประเภท ช่วยให้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่
3. ฝึกคิด:
ตั้งคำถาม: ตั้งคำถามกับสิ่งที่พบเห็น พยายามหาคำตอบ
คิดเลขในใจ: ฝึกคิดเลขง่ายๆ เช่น บวก ลบ คูณ หาร
เล่นเกมฝึกสมอง: เช่น เกมฝึกตรรกะ เกมฝึกแก้ปัญหา
4. ดูแลสุขภาพ:
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
ทานอาหารครบ 5 หมู่: เน้นผัก ผลไม้
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์
ลดความเครียด: หากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ฝึกสมาธิ
5. ใช้เทคโนโลยีช่วย:
แอปพลิเคชันฝึกสมอง: มีแอปพลิเคชันมากมาย ช่วยฝึกความจำ ฝึกตรรกะ
เกมออนไลน์: เล่นเกมออนไลน์ที่ช่วยฝึกสมอง เช่น เกมฝึกคำศัพท์ เกมฝึกแก้ปัญหา
เว็บไซต์ฝึกสมอง: มีเว็บไซต์มากมาย มีเกมออนไลน์ ฝึกทักษะต่างๆ
การฝึกสมองควรทำอย่างสม่ำเสมอวันละ 30 นาที - 1 ชั่วโมงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีความจำดีขึ้นสมองทำงานได้ดีขึ้นป้องกันโรคสมองเสื่อม