10 วิธีดูเเลผู้สูงอายุให้สุขภาพดีทั้งกายเเละใจ
By Birth Intern 15 พ.ค. 2568

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางกายภาพ จิตใจ และสังคม คนในครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าในสังคม บทความนี้จะเสนอแนวทางการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
1. โภชนาการที่เหมาะสมกับวัย
การเลือกอาหารให้เหมาะสมกับวัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะระบบย่อยอาหารในผู้สูงอายุจะทำงานช้าลง ควรเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวานจัด ข้าวกล้อง ธัญพืช และโปรตีนจากปลา ถั่ว หรือไข่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เค็มจัด หรือหวานจัด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจนอกจากนี้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ การจัดอาหารให้หลากหลายและน่ารับประทาน ยังช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและสร้างความสุขในการกิน
2. ส่งเสริมการเคลื่อนไหวและออกกำลังกาย
แม้ว่าผู้สูงอายุอาจมีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว แต่การออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันภาวะกระดูกพรุน และลดความเสี่ยงจากการหกล้ม กิจกรรมที่แนะนำได้แก่ การเดินช้าๆ ยืดกล้ามเนื้อ ทำโยคะ หรือไทเก็ก ซึ่งสามารถทำได้ทุกวัน
การได้ออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ส่งเสริมการหลับสบาย และช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ไม่เครียดหรือซึมเศร้า
3. การพักผ่อนและการนอนหลับอย่างเพียงพอ
การนอนหลับมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ ผู้สูงอายุควรนอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน และควรมีตารางเวลาการนอนที่แน่นอน หลีกเลี่ยงการนอนกลางวันนานเกินไป และงดการใช้โทรศัพท์หรือดูโทรทัศน์ก่อนนอน
สภาพแวดล้อมภายในห้องนอนควรเงียบ สะอาด อากาศถ่ายเท และมีแสงไฟอ่อนๆ การช่วยจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการนอนหลับให้ผู้สูงอายุสามารถหลับลึกและตื่นขึ้นอย่างสดชื่น
4. ตรวจสุขภาพเป็นประจำและเฝ้าระวังโรค
ผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือข้อเสื่อม การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยให้สามารถป้องกันและรักษาโรคได้ทันเวลา นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง ตามคำแนะนำของแพทย์
คนในครอบครัวควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น การลืมบ่อย อารมณ์เปลี่ยนแปลง หรือพฤติกรรมแปลกไป และควรช่วยจดบันทึกการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเพื่อนำไปปรึกษาแพทย์
5. สร้างสภาพแวดล้อมทางจิตใจที่อบอุ่น
ผู้สูงอายุจำนวนมากเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดเป้าหมาย หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครอบครัว การให้ความใส่ใจ รับฟังอย่างเข้าใจ และพูดคุยกันด้วยความรักจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
การทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า เช่น การให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือกิจกรรมของครอบครัว จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตให้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในวัยชรา
6. กระตุ้นสมองด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์
ภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การกระตุ้นการทำงานของสมองผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การอ่านหนังสือ เล่นเกมคำศัพท์ ฝึกพับกระดาษ หรือทำสมาธิ สามารถช่วยให้สมองคงประสิทธิภาพไว้ได้นานขึ้น
นอกจากนี้ การรื้อฟื้นความทรงจำด้วยการพูดคุยเรื่องในอดีต ฟังเพลงเก่า หรือดูภาพเก่าสามารถช่วยกระตุ้นการเชื่อมโยงทางอารมณ์และสมองได้ดี
7. สนับสนุนให้มีความสัมพันธ์ทางสังคม
การมีเพื่อนหรือได้เข้าสังคมเป็นสิ่งสำคัญ ผู้สูงอายุควรมีโอกาสพบปะกับผู้อื่น เช่น การเข้าร่วมกิจกรรมชมรมผู้สูงอายุ งานประเพณี หรือกิจกรรมจิตอาสา การได้พูดคุยกับผู้อื่นจะช่วยลดความเหงาและสร้างแรงจูงใจในการดูแลตัวเอง
หากผู้สูงอายุไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ควรส่งเสริมให้มีการพบปะพูดคุยในครอบครัวหรือผ่านเทคโนโลยี เช่น วิดีโอคอล
8. จัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัย
บ้านควรปรับให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น ปูพื้นด้วยวัสดุที่ไม่ลื่น ติดราวจับในห้องน้ำ ห้องนอน และทางเดิน เปิดไฟให้เพียงพอโดยเฉพาะในเวลากลางคืน และหลีกเลี่ยงของตกแต่งที่เกะกะ
ความปลอดภัยในบ้านช่วยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ และยังช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและเป็นอิสระมากขึ้น
9. ใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถเป็นเครื่องมือที่ดีในการเชื่อมโยงผู้สูงอายุกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ LINE, Facebook หรือ YouTube เพื่อดูวิดีโอความรู้ ฟังเพลง หรือพูดคุยกับลูกหลาน
การสอนให้ผู้สูงอายุใช้เทคโนโลยีอย่างง่ายๆ เป็นการเปิดโลกใหม่ และทำให้รู้สึกทันยุคทันสมัย ลดความเหงา และเสริมความมั่นใจในตนเอง
10. มอบความรักและเวลาจากครอบครัว
สิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการมากที่สุดไม่ใช่สิ่งของราคาแพง แต่คือ “เวลา” จากคนในครอบครัว การใช้เวลาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวด้วยกัน พูดคุย หรือแค่การนั่งอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง จะช่วยเติมเต็มทั้งใจของผู้สูงอายุและสมาชิกในครอบครัว การแสดงออกถึงความรัก เช่น การกอด การสัมผัส หรือคำพูดอ่อนโยน คือพลังที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผู้สูงอายุ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2565). แนวทางการดูแลผู้สูงอายุแบบองค์รวม. เข้าถึงจาก
https://www.anamai.moph.go.th -
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2564). 10 วิธีดูแลผู้สูงวัยในครอบครัวอย่างเข้าใจ. เข้าถึงจาก
https://www.thaihealth.or.th -
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (2563). การดูแลผู้สูงอายุ: ด้านกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม. เข้าถึงจาก
https://www.chulalongkornhospital.go.th